ไตเสื่อมเป็นโรคเงียบแต่ร้ายแรง มักถูกมองข้ามในผู้หญิงเพราะอาการคล้ายความผิดปกติของฮอร์โมนหรือแค่อ่อนเพลียทั่วไป การรู้ทันสัญญาณตั้งแต่แรกเริ่มไม่เพียงช่วยให้ตรวจพบได้ทันเวลา แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน ปกป้องสุขภาพและคุณภาพชีวิตของเราไว้นะคะ
1. บทนำภาพรวมเกี่ยวกับภาวะไตวายในผู้หญิง
ไตเป็นอวัยวะสำคัญ ทำหน้าที่กรองเลือด กำจัดสารพิษ และรักษาสมดุลเกลือแร่ให้ร่างกายครับ เมื่อการทำงานของไตบกพร่อง ร่างกายจะเริ่มมีสัญญาณผิดปกติหลายอย่าง ซึ่งหากไม่ตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ ผู้หญิงยิ่งควรใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะการตั้งครรภ์ ฮอร์โมน และวิถีชีวิต ล้วนเพิ่มภาระให้ไตครับ
ภาวะไตวายในผู้หญิงไม่ใช่เรื่องหายาก – หลายกรณีเริ่มจากอาการเล็กน้อยแต่เรื้อรังที่มักถูกมองข้าม การสังเกตและรับรู้ตั้งแต่ระยะแรกจะช่วยให้เข้ารับการดูแลได้ทันท่วงที ป้องกันการลุกลามและภาวะแทรกซ้อนรุนแรงครับ
2. สัญญาณเตือนภาวะไตเสื่อมในผู้หญิง
ต่อไปนี้คืออาการที่พบบ่อยที่ผู้หญิงควรสังเกต:
2.1 ความผิดปกติของการปัสสาวะ
- ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน: เมื่อการทำงานของไตลดลง ความสามารถในการทำให้ปัสสาวะเข้มข้นจะลดลง ทำให้ปวดปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะในเวลากลางคืน
- ปัสสาวะกระปริดกระปรอย กลั้นปัสสาวะไม่ค่อยอยู่: รู้สึกควบคุมไม่ได้ บางครั้งปัสสาวะออกมาเพียงเล็กน้อย
- ปวดแสบขัดเวลาปัสสาวะ ปัสสาวะขุ่น หรือมีฟองมากผิดปกติ: อาจเกิดจากการติดเชื้อร่วมด้วย หรือความผิดปกติของท่อภายในไต
2.2 อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า
ไตที่ทำงานบกพร่องจะขับของเสียและควบคุมสมดุลเกลือแร่ได้ลดลง ทำให้ของเสียคั่งค้างในร่างกาย ส่งผลให้รู้สึกอ่อนเพลีย หมดพลัง ง่วงซึม/หมดแรงง่าย
2.3 บวม คั่งน้ำ
เมื่อการกรองของไตแย่ลง น้ำและเกลืออาจถูกกักไว้ในร่างกาย ทำให้บวมที่มือ เท้า รอบดวงตา ใบหน้า และบางครั้งบริเวณท้อง

2.4 การเปลี่ยนแปลงของผิวและเส้นผม
- ผิวคล้ำ หมอง: เนื่องจากสารพิษขับออกได้ไม่ดีและสะสมใต้ผิว
- ใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา: ภาวะคั่งของของเหลวเห็นชัดบริเวณรอบดวงตาและเปลือกตา
- ผมร่วง ผมแห้ง เปราะง่าย: ความไม่สมดุลของฮอร์โมนและโภชนาการจากไตทำงานลดลง ส่งผลต่อสุขภาพเส้นผม
2.5 ความผิดปกติของฮอร์โมนและชีวิตทางเพศ
- ความต้องการทางเพศลดลง: ภาวะไตเสื่อมทำให้ฮอร์โมนเพศเสียสมดุล กระทบทั้งสภาพจิตใจและสุขภาพทางเพศ
- อาการคล้ายวัยใกล้หมดประจำเดือน: ร้อนวูบวาบ นอนไม่หลับ หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน… อาจเกิดเร็วกว่าปกติ
2.6 อาการระบบอื่นๆ
- หนาวง่าย รู้สึกหนาว: เพราะไตมีบทบาทช่วยควบคุมอุณหภูมิและการเผาผลาญพลังงาน
- หูอื้อ เวียนศีรษะ ตาพร่า: จากการไหลเวียนเลือดไม่ดีหรือความดันโลหิตแปรปรวนเมื่อการทำงานของไตลดลง
- น้ำหนักขึ้นผิดปกติ: ไม่ได้มาจากการกินมาก แต่เกิดจากการคั่งน้ำ บวมน้ำ
3. สาเหตุที่นำไปสู่ภาวะไตเสื่อมในผู้หญิง
มีหลายปัจจัยที่ทำให้การทำงานของไตถดถอย:
- อายุ: ยิ่งอายุมาก อวัยวะรวมถึงไตมีแนวโน้มเสื่อมตามวัย
- พฤติกรรมการใช้ชีวิตไม่เหมาะสม: กลั้นปัสสาวะ ดื่มน้ำน้อย กินเค็ม นอนดึก สูบบุหรี่ …
- โรคประจำตัว: ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด ไตอักเสบ นิ่วในไต การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
- การใช้ยาที่มีผลข้างเคียงต่อไต: ยาขับปัสสาวะ ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ยาลดความดันโลหิต…
- ความเครียดเรื้อรัง: ร่างกายเผชิญความกดดัน ความดันโลหิตแปรปรวน ส่งผลเสียต่อไต
- น้ำหนักเกิน โรคอ้วน: เพิ่มภาระต่อระบบไหลเวียนเลือดและไต

4. ผลกระทบหากภาวะไตเสื่อมไม่ได้รับการรักษา
หากปล่อยไว้นาน ภาวะไตเสื่อมอาจพัฒนาเป็นไตวายเรื้อรัง ก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอันตรายหลายอย่าง:
- บวมน้ำทั่วร่างกาย ความดันโลหิตสูง
- เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
- กระดูกพรุน ความแข็งแรงของกระดูกลดลง
- ภาวะเจริญพันธุ์ลดลง ประจำเดือนผิดปกติ
- ส่งผลต่อสุขภาพแม่และทารกในครรภ์ (ในผู้หญิงตั้งครรภ์)
- สุขภาพจิตถดถอย สมาธิลดลง บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง
- ระยะท้าย: ต้องปลูกถ่ายไตหรือฟอกไตเท่านั้น
5. วิธีป้องกันและช่วยปกป้องไต
เพื่อให้ไตแข็งแรง ผู้หญิงควรปฏิบัติดังนี้:
- ดื่มน้ำให้เพียงพอวันละราว5–2 ลิตร (ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย)
- ควบคุมอาหาร: ลดเกลือ เลี่ยงอาหารแปรรูป เพิ่มผักและใยอาหาร
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: อย่างน้อยวันละ 30 นาที ช่วยการไหลเวียนเลือดและสนับสนุนการทำงานของไต
- เลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายไต: กลั้นปัสสาวะ ใช้ยาเกินความจำเป็น สูบบุหรี่
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำ: โดยเฉพาะหากมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
- ลดความเครียด และนอนหลับให้มีคุณภาพ: จิตใจที่สมดุลช่วยควบคุมความดันและการทำงานของร่างกายให้ดีขึ้น

6. เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์?
หากคุณมีหนึ่งหรือหลายอาการต่อไปนี้ ควรพิจารณาไปพบแพทย์โดยเร็ว:
- ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ ปวดแสบปวดขัดเวลาปัสสาวะ
- บวมที่ขา มือ หรือใบหน้า
- เหนื่อยล้าเรื้อรัง ผิวหมองคล้ำ ผมร่วง
- ประจำเดือนผิดปกติ หรือความต้องการทางเพศเปลี่ยนไป
- มีโรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน หรือความดันโลหิตสูงร่วมด้วย
แพทย์อาจสั่งตรวจการทำงานของไต (ยูเรีย ครีอะตินิน eGFR) ตรวจปัสสาวะ อัลตราซาวนด์ไต เป็นต้น เพื่อประเมินระดับความเสียหายและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
การตรวจพบและรู้เท่าทันสัญญาณไตเสื่อมในผู้หญิงตั้งแต่เนิ่นๆ สำคัญมากต่อการปกป้องสุขภาพระยะยาว หากคุณมีอาการดังกล่าว อย่าลังเล – ไปพบแพทย์และตรวจการทำงานของไตอย่างสม่ำเสมอ การรักษาแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนและคงคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้นนะคะ

